Mood and Tone ตัวช่วยสร้างแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์ เหนือกว่าคู่แข่ง

Inspiration

Mood and Tone ตัวช่วยสร้างแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์ เหนือกว่าคู่แข่ง

Mood and Tone คือ บุคลิกภาพและเสียงของแบรนด์ที่สื่อสารผ่านสี คำพูด และรูปภาพ ที่ช่วยสร้างความจดจำ เพิ่มความผูกพันกับลูกค้า และสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจและการตลาดกำลังรุนแรงขึ้นทุกวัน การสร้างแบรนด์ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์คือสิ่งที่แบรนด์ต่างๆ กลายเป็นความท้าทายที่ใหญ่มากสำหรับธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มต้น หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการรีแบรนด์ให้ทันสมัย 

นี่คือจุดที่ทำให้ Mood and Tone’ เข้ามามีบทบาทสำคัญ กลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่จะช่วยให้แบรนด์ของมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลึกซึ้ง และสร้าง Brand Affinity ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า Mood and Tone ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการออกแบบที่สวยงามหรือการเลือกใช้สีสันที่ถูกใจ แต่เป็นการกำหนดบุคลิกภาพและเสียงของแบรนด์ที่จะสะท้อนออกมาผ่านทุกการสื่อสารและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค

Mood and Tone คืออะไร

Mood and Tone คือ

Mood and Tone คือ สององค์ประกอบสำคัญในการสร้างการสื่อสารของแบรนด์ให้มีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะช่วยสร้างความรู้สึกและอารมณ์ที่เชื่อมโยงกับลูกค้าผ่านการเลือกใช้คำ สี ฟอนต์ และภาพประกอบต่าง ๆ

  • Mood หมายถึง อารมณ์โดยรวมที่แบรนด์ต้องการให้ลูกค้ารู้สึกเมื่อเห็นหรือได้รับประสบการณ์จากแบรนด์ เช่น ความสดใส ความหรูหรา ความอบอุ่น หรือความทันสมัย
  • Tone หมายถึง น้ำเสียงหรือวิธีการที่แบรนด์ใช้ในการสื่อสาร เช่น การใช้ภาษาทางการ ภาษาที่เป็นมิตร หรือภาษาที่มีความเป็นมืออาชีพ 

ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ที่มี Mood สดใสและสนุกสนานอย่าง Coca-Cola จะมี Tone ที่เป็นมิตรและมีความหวานในข้อความการโฆษณา ขณะที่แบรนด์หรูหราอย่าง Chanel จะมี Mood ที่เต็มไปด้วยความหรูหราและสง่างาม พร้อมทั้งใช้ Tone ที่เป็นทางการและมีความน่าเชื่อถือ แต่ยังคงเป็นมิตรในการสื่อสาร

การกำหนด Mood and Tone ที่เหมาะสมจะช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับกลุ่มเป้าหมาย เพราะผู้บริโภคจะรู้สึกว่าแบรนด์นั้นเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการทางอารมณ์ของพวกเขาได้อย่างตรงจุด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

ความสำคัญของ Mood and Tone ต่อการสร้างแบรนด์

ในโลกของการตลาดยุคใหม่ที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย Mood and Tone ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความสวยงามหรือรสนิยมเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่มีพลังในการสร้างความแตกต่างและการจดจำแบรนด์อย่างมีนัยสำคัญ ที่มีความสำคัญดังนี้

1. ช่วยกำหนดภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ชัดเจน

การเลือก Mood and Tone ที่สอดคล้องกับแบรนด์จะช่วยสร้างความเข้าใจที่ตรงกันทั้งจากลูกค้าและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแบรนด์ สิ่งนี้จะช่วยทำให้แบรนด์ของคุณดูมีความเป็นตัวเองและมีทิศทางในการสื่อสารที่ชัดเจน เมื่อแบรนด์มี Mood and Tone ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ลูกค้าสามารถเข้าใจภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ง่ายขึ้นว่าเป็นแบรนด์ที่มีแนวคิดและสไตล์อย่างไร ซึ่งมีส่วนช่วยในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า

2. เพิ่ม Brand Loyalty 

เมื่อแบรนด์มี Mood and Tone ที่ตรงใจลูกค้า ลูกค้าจะจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้นและเกิดความผูกพันในระยะยาว ความรู้สึกนี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์และพร้อมที่จะกลับมาใช้บริการหรือสินค้าของแบรนด์นั้นอีกในอนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่ม Brand Loyalty หรือความภัคดีต่อแบรนด์ ลูกค้าจะจดจำแบรนด์ที่มี Mood and Tone ชัดเจนได้เสมอและเกิดการซื้อซ้ำในระยะยาว แม้อยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

3. ทำให้แบรนด์มีความสม่ำเสมอในการสื่อสาร

การมี Mood and Tone ที่สม่ำเสมอในการสื่อสารทุกช่องทาง เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย โฆษณา แม้กระทั่งการออกแบบฉลากสินค้า จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเชื่อมโยงและความเข้าใจในตัวแบรนด์ในทุกช่วงเวลาที่พบเห็นหรือสร้างความรู้สึกผูกพันทางอารมณ์หรือ Brand Affinity กับแบรนด์นั้น ๆ ทำให้แบรนด์ดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นและนำไปสู่การซื้อซ้ำ

นอกจากนี้ Mood and Tone ยังช่วยให้แบรนด์สามารถกำหนดราคาได้ในระดับที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่ไม่มีเอกลักษณ์ชัดเจน เพราะผู้บริโภคเต็มใจจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับแบรนด์ที่พวกเขารู้สึกผูกพันและเชื่อมั่นในคุณค่าที่ได้รับ

วิธีวาง Mood and Tone ให้เหมาะกับแบรนด์ของคุณ

วิธีวาง Mood and Tone

การวาง Mood and Tone ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยการวิเคราะห์และการวางแผนอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่การสุ่มหรือทำตามแบรนด์อื่น ต้องเริ่มจากการเข้าใจรากฐานของการสร้างแบรนด์และเป้าหมายของแบรนด์อย่างลึกซึ้ง โดยมีวิธีวาง Mood and Tone ที่สามารถนำไปปรับใช้กับแบรนด์ของคุณได้ ดังนี้

1. เข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง

ขั้นแรกการวาง Mood and Tone คือควรทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ข้อมูลพื้นฐาน แต่ต้องขุดลึกไปถึงจิตวิทยาผู้บริโภค ความต้องการ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต

เริ่มจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน เช่น เพศ อายุ รายได้ การศึกษา หรืออาชีพ และเจาะลึกไปถึงไลฟ์สไตล์ ความสนใจ ค่านิยม และสิ่งที่พวกเขาต้องเจอในชีวิตประจำวัน เมื่อเข้าใจว่ากลุ่มเป้าทำกิจกรรมอะไรในตอนว่าง ติดตามแบรนด์หรือคนดังคนไหน มีความกังวลหรือความต้องการอะไร จะช่วยให้แบรนด์สามารถกำหนด Mood and Tone ที่ดึงดูดพวกเขาได้

2. สะท้อนจาก Brand Personality

เพื่อให้การกำหนด Mood and Tone มีความอย่างสอดคล้องกันและเป็นธรรมชาติ ให้คิดว่า “ถ้าแบรนด์ของคุณเป็นคน จะเป็นคนแบบไหน?” คำถามนี้จะช่วยให้คุณนึกภาพถึงบุคลิกลักษณะ เช่น พวกเขาเป็นคนขี้เล่นหรือจริงจัง เป็นมิตรหรือเป็นทางการ มีความมั่นใจหรือถ่อมตัว ชอบผจญภัยหรือชอบความปลอดภัย คิดถึงวิธีที่คนคนนี้จะพูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน พวกเขาจะใช้คำพูดอย่างไร มีท่าทางและการแสดงออกแบบไหน เสื้อผ้าและสไตล์ของพวกเขาเป็นอย่างไร การตอบคำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้แนวทางในการกำหนด Tone ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพ

การกำหนด Brand Personality ที่ชัดเจนจะช่วยให้ทีมงานทุกคนในองค์กรสามารถสื่อสารในทิศทางเดียวกัน และช่วยให้การตัดสินใจเกี่ยวกับ Mood and Tone ในสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นไปอย่างสม่ำเสมอและสอดคล้องกัน

3. สื่อสารผ่านทุกช่องทางอย่างสม่ำเสมอ

การใช้ Mood and Tone อย่างสม่ำเสมอในทุกช่องทางที่แบรนด์สื่อสารกับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ไม่ว่าจะเป็นบนว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย บรรจุภัณฑ์ หรือรูปโฆษณา เพราะการรักษาความสอดคล้องของ Mood and Tone ในทุก ๆ การสื่อสารจะช่วยให้แบรนด์ดูมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความรู้สึกที่ต่อเนื่องและเป็นที่คุ้นเคย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างความผูกพันและความไว้วางใจในระยะยาว จะช่วยสร้างความรู้สึกที่ต่อเนื่องและทำให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ได้ทุกเวลา

4. เลือกใช้ภาพประกอบที่สื่อสารถึงแบรนด์

ภาพถ่ายและภาพประกอบเป็นองค์ประกอบที่มีพลังอย่างมากในการสื่อสาร Mood and Tone ภาพหนึ่งภาพสามารถสื่อสารอารมณ์และความรู้สึกได้มากกว่าคำพูดหลายประโยค การเลือกใช้ภาพที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย

การถ่ายรูปสินค้าหรือการเลือก Stock Photo ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น แสงสี การจัดองค์ประกอบ อารมณ์ของโมเดล และบรรยากาศโดยรวม เช่น รูปที่ใช้แสงธรรมชาติและมีความอบอุ่นจะสื่อสารความเป็นมิตรและความใกล้ชิด ในขณะที่รูปที่ใช้แสงคมชัดและมีคอนทราสต์สูงจะสื่อสารถึงความเป็นมืออาชีพและความทันสมัย

สำหรับการเลือกรูปถูกลิขสิทธิ์มาใช้ในการสื่อสาร Mood and Tone ของแบรนด์ให้ชัดเจน โดยไม่ต้องถ่ายรูปเอง ควรเลือกภาพจากแหล่งจำหน่ายรูปภาพระดับโลกอย่าง Number 24 x Shutterstock ที่มีภาพสดใหม่ พรีเมียม ทั้งคลังภาพ เวกเตอร์ วิดีโอ 3D เพลง และภาพ AI ถูกลิขสิทธิ์ 100% จากศิลปินทั่วโลกกว่า 750 ล้านรายการ มีรูปสินค้าหลากหลาย Mood and Tone แสง สี และมุมกล้อง ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าและธุรกิจ ช่วยให้โฆษณามีความเป็นมืออาชีพ สื่อสารได้ตรงใจ และสร้างความโดดเด่นตั้งแต่แรกเห็น

เทคนิคการเลือกใช้คำ สี และภาพให้สอดคล้องกับ Mood and Tone

เพื่อสื่อสารเรื่องราวและอารมณ์ของแบรนด์อย่างสมบูรณ์ การสร้าง Mood and Tone ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่

การใช้คำ (Word choice)

คำพูดเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการสื่อสารผ่าน Mood and Tone การเลือกใช้คำที่เหมาะสมจะสามารถสร้างความรู้สึกและการรับรู้ที่ต้องการได้อย่างตรงจุด ลักษณะของคำที่ใช้ต้องสะท้อนบุคลิกภาพของแบรนด์ แบรนด์ที่เป็นมิตรและเข้าถึงได้ง่ายควรใช้คำที่เรียบง่าย เข้าใจง่าย และสร้างความอบอุ่น ในขณะที่แบรนด์ที่เน้นความเป็นมืออาชีพควรใช้คำศัพท์เฉพาะทาง ภาษาที่แม่นยำ และสื่อสารความน่าเชื่อถือ

การเลือกโทนสี (Color palette)

สีมีพลังทางจิตวิทยาที่มากมายในการสื่อสารอารมณ์และความรู้สึก การเลือกใช้โทนสีที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้าง Mood and Tone ให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น

  • สีแดง สื่อสารพลังงาน ความตื่นเต้น และความกระตือรือร้น เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างความรู้สึกเร่งด่วนหรือความมีชีวิตชีวา 
  • สีน้ำเงิน สื่อสารความน่าเชื่อถือ ความเป็นมืออาชีพ และความมั่นคง เหมาะสำหรับแบรนด์ทางการเงิน เทคโนโลยี หรือบริการที่ต้องการความไว้วางใจ
  • สีเขียว เชื่อมโยงกับธรรมชาติ ความสดชื่น และความยั่งยืน เหมาะสำหรับแบรนด์เกี่ยวกับสุขภาพ สิ่งแวดล้อม หรือผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ 
  • สีม่วง สื่อสารความหรูหรา ความคิดสร้างสรรค์ และความลึกลับ เหมาะสำหรับแบรนด์ความงาม เทคโนโลยีล้ำสมัย หรือผลิตภัณฑ์พรีเมียม
  • สีส้ม สื่อสารความอบอุ่น ความเป็นมิตร และความสนุกสนาน เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างความรู้สึกเข้าถึงได้และมีพลังบวก 
  • สีเหลือง เชื่อมโยงกับความสุข ความคิดสร้างสรรค์ และการเรียนรู้ แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังเพราะอาจสร้างความวิตกกังวลหากใช้มากเกินไป

การผสมสีต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงความสมดุลและความเหมาะสม สีหลักควรอยู่ในจุดสำคัญ เช่น โลโก้และปุ่มหลัก ส่วนสีรองใช้สำหรับองค์ประกอบที่สำคัญรองลงมา และใช้สีเสริมใช้สำหรับเก็บรายละเอียด

การออกแบบภาพและฟอนต์

การออกแบบภาพและการเลือกฟอนต์ที่เหมาะสมกับ Mood and Tone จะช่วยให้แบรนด์ดูมีเอกลักษณ์และโดดเด่น โดยการเลือกใช้ฟอนต์ที่ตรงกับลักษณะของแบรนด์จะเพิ่มความรู้สึกที่สอดคล้องกับ Mood and Tone ที่ต้องการถ่ายทอดออกมา เช่น ฟอนต์ที่ทันสมัยและอ่านง่ายสำหรับแบรนด์ที่เน้นความทันสมัย หรือฟอนต์ที่หรูหราและมีความสง่างามสำหรับแบรนด์ระดับพรีเมียม ฟอนต์ที่มีความเรียบง่ายและอ่านได้ชัดเจนจะช่วยสร้างความรู้สึกที่เข้าถึงง่ายและทันสมัย ขณะที่ฟอนต์ที่มีลักษณะหรูหราจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่มีความพิเศษและมีคุณค่า 

นอกจากนี้ ภาพประกอบที่ใช้ใน Mood and Tone ของแบรนด์ยังมีความสำคัญในการสื่อสารอารมณ์ที่ต้องการถ่ายทอด จึงควรเลือกภาพที่สอดคล้องกับ Mood and Tone ของแบรนด์ เพื่อให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้แม้เห็นแค่รูปภาพ 

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ นักออกแบบกราฟิก หรือครีเอทีฟ ที่กำลังมองหารูปถ่ายสินค้าคุณภาพสูงจากเว็บขายรูป Shutterstock แต่ยังไม่แน่ใจเรื่องการชำระเงินและลิขสิทธิ์ Number 24 x Shutterstock เราเป็นผู้ให้บริการ Shutterstock แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มีเนื้อหาพรีเมียมจากศิลปินช่างภาพทั่วโลก พร้อมเวกเตอร์ วิดีโอ 3D เพลง และภาพ AI ถูกลิขสิทธิ์ กว่า 750 ล้านรายการ ช่วยให้เข้าถึงคอนเซปท์ภาพที่สมจริง พร้อมกับศิลปินช่างภาพที่เข้าใจแบรนด์ พร้อมช่วยจัดการด้านลิขสิทธิ์ ชี้แจงชัดเจน ใช้งานได้กว้างขวาง และราคาเข้าใจง่าย มีบริการช่วยเหลือจากทีมงานคนไทยโดยตรง ช่วยให้คุณโฟกัสกับงานได้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่าง Mood and Tone 

และนี่คือตัวอย่างการวาง Mood and Tone เพื่อให้ผลงานของคุณเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสร้างการจดจำไม่ว่าจะอยู่บนแพลตฟอร์มใดก็ตาม

 ตัวอย่าง Mood and Tone
ออกแบบ Mood and Tone
mood and tone board
 ภาพประกอบ
คุมโทนรูป
รูปประกอบสวย ๆ
 ไอเดียเลือกรูป

Mood and Tone ช่วยสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้อย่างไร

การสร้างความแตกต่างผ่าน Mood and Tone ช่วยให้แบรนด์สามารถพูดคุยกับลูกค้าในแบบที่คู่แข่งทำไม่ได้ เมื่อแบรนด์มี Mood and Tone ที่เป็นเอกลักษณ์และสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย ลูกค้าจะรู้สึกว่าแบรนด์นั้นเข้าใจพวกเขาในระดับที่ลึกกว่าการนำเสนอสินค้าหรือบริการธรรมดา การสื่อสารที่มีอารมณ์และมีเอกลักษณ์จะสร้างการเชื่อมต่อทางอารมณ์ที่แข็งแกร่งกว่าการแข่งขันเรื่องคุณสมบัติของสินค้าเพียงอย่างเดียว

สรุป

โดยสรุปแล้ว Mood and Tone ไม่ใช่แค่ความสวยงามหรือการเลือกสีฟอนต์ที่สวยงามเท่านั้น แต่เป็น หัวใจของการสร้างแบรนด์ ที่ช่วยให้แบรนด์มีเอกลักษณ์ สื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความผูกพันกับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน 

เพราะ Mood and Tone คือภาษาและตัวตนของแบรนด์ที่เข้าไปอยู่ในความรู้สึกของผู้คนแบบไม่ต้องเอ่ยคำพูด ภาพจาก Shutterstock จึงกลายเป็นเครื่องมือสร้างการจดจำที่มีคุณค่า ไม่ใช่แค่ภาพที่สวย แต่คือภาพที่มีบทบาทในการเล่าเรื่อง สร้างความต่าง และปลุกอารมณ์ ได้อย่างมีกลยุทธ์

หากคุณเริ่มสงสัยว่า Mood and Tone ที่ใช้อยู่ กำลังพาแบรนด์ไปสู่จุดไหน เราขอชวนคุณมาสำรวจใหม่ คิดให้ลึก และออกแบบให้เฉียบขึ้นไปอีกขั้น สอบถามรายละเอียดได้ที่ Number 24 x Shutterstock 

โทร: 099-459-5244

Website: https://number24.co.th/

Inbox: https://bit.ly/3RtAnGn

LINE Official Account: https://bit.ly/3Rz00FU

Instagram: https://bit.ly/3qi0VOR

Tell us about yourself





    Type: