ในโลกของ Digital Marketing ทำให้แบรนด์น้องใหม่หลายแบรนด์พยายามปั้นให้แบรนด์ของตนเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่การจะให้สินค้าและแบรนด์โดดเด่นท่ามกลางคอนเทนต์มากมายนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หนึ่งในองค์ประกอบที่ทรงพลังและมีความสำคัญมากที่สุดคือ ‘รูปโฆษณาสินค้า’ เพราะเพียงไม่กี่วินาทีแรก รูปที่ดีจะสามารถทำให้ผู้ชมหยุดเลื่อนฟีด สนใจสินค้า และตัดสินใจคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ทันที
หากคุณกำลังมองหาแนวทางออกแบบรูปโฆษณาสินค้า วันนี้ Number 24 x Shutterstock จะมาแจก 10 เทคนิคเจ๋ง ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที เพื่อให้รูปของคุณสะดุดตา ตรงใจ และเพิ่มยอดขายได้จริง!
การออกแบบรูปโฆษณาสินค้ามีความสำคัญอย่างไรกับแบรนด์
ในยุคที่คอนเทนต์ไหลผ่านตาผู้บริโภควันละหลายร้อยโพสต์ การ ‘ออกแบบรูปโฆษณาสินค้า’ ให้โดดเด่นจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญในการหยุดสายตาและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ รูปภาพที่ดีไม่เพียงมีความดึงดูดเท่านั้น แต่ต้องช่วยสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์และเพิ่มยอดขายได้จริง ทั้งยังเป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงความรู้สึกของผู้บริโภคกับตัวสินค้า ยิ่งภาพมีคุณภาพและสื่อสารได้อย่างตรงจุดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มศักยภาพในการสร้างการจดจำและความเชื่อมั่นในแบรนด์มากขึ้น
ยกตัวอย่างง่าย ๆ แบรนด์ที่ใช้รูปโฆษณาสินค้าที่ชัดเจน โทนภาพสม่ำเสมอ และมีการจัดวางองค์ประกอบที่ดี มักได้ Engagement สูงกว่ารูปโฆษณาสินค้าธรรมดาหลายเท่า เพราะทำให้ผู้ชมเข้าใจข้อดีของสินค้าได้ภายในไม่กี่วินาที และส่งผลโดยตรงต่อ Conversion ทั้งจากการคลิก การแชร์ หรือแม้กระทั่งการซื้อสินค้าทันที
เริ่มสร้างแบรนด์ของคุณ: เผย! เทคนิคลับ การสร้างแบรนด์ ที่นักการตลาดทุกคนจำเป็นต้องรู้
10 เทคนิคสุดเจ๋ง ที่จะเพิ่มความน่าสนใจให้กับรูปโฆษณาสินค้าของคุณ
ก่อนที่เราจะลงมือออกแบบรูปโฆษณาสินค้า ลองมาดู 10 เทคนิคสำคัญที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง และช่วยให้รูปมีความโดดเด่น เตะตา และเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. ใช้ภาพสินค้าแบบ Close-up ให้ชัดเจน


ขอบคุณรูปจาก: apple
ภาพแบบ Close-up คือการถ่ายภาพสินค้าในระยะใกล้เพื่อโชว์รายละเอียดสำคัญ เช่น เนื้อผ้า ความมันเงา ความเนียน หรือดีไซน์เฉพาะจุด ช่วยให้ลูกค้าสามารถรับรู้ถึงคุณภาพของสินค้าได้โดยไม่ต้องสัมผัสจริง เป็นเทคนิคออกแบบรูปโฆษณาที่ช่วยลดช่องว่างของการซื้อสินค้าออนไลน์ เพราะทำให้ลูกค้าเห็นลักษณะสินค้าจริงได้ชัดเจนมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น การใช้รูปโฆษณาสินค้าแบบ Close-up ยังสามารถสร้างความรู้สึกใกล้ชิด เพิ่มความเชื่อมั่น และกระตุ้นอารมณ์อยากครอบครองสินค้า โดยเฉพาะกับสินค้าที่มีดีเทลหรือวัสดุพรีเมียม เช่น เครื่องสำอาง แฟชั่น ของแต่งบ้าน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
2. เลือกสีที่ดึงดูดและสะท้อนแบรนด์
สีมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผู้บริโภคอย่างมาก เพราะสามารถกระตุ้นอารมณ์ ความรู้สึก และการรับรู้ต่อแบรนด์ได้ในระดับจิตใต้สำนึก การเลือกใช้สีมาใช้ออกแบบรูปโฆษณาสินค้าจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นการสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างมีนัยยะ เช่น สีแดงสื่อถึงพลังงาน ความเร้าใจ เหมาะกับสินค้าที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจเร็ว สีฟ้าให้ความรู้สึกมั่นคง สงบ และน่าเชื่อถือ มักถูกใช้ในกลุ่มธุรกิจการเงินหรือเทคโนโลยี
นอกจากนี้ การใช้สีให้สอดคล้องกับ CI (Corporate Identity) ยังช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ในระยะยาว และถ้าหากเลือกสีที่ตัดกับพื้นหลังหรือองค์ประกอบอื่น ๆ ได้อย่างลงตัว ก็สามารถทำให้สินค้าหรือข้อความสำคัญโดดเด่นขึ้นมาในทันที จึงควรออกแบบรูปโฆษณาสินค้าด้วยหลักจิตวิทยาสี (Color Psychology) ควบคู่กับการวางองค์ประกอบโดยรวม
3. วางองค์ประกอบให้น่าสนใจด้วย Rule of Thirds
Rule of Thirds หรือ ‘กฎสามส่วน’ เป็นเทคนิคการจัดองค์ประกอบภาพที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการออกแบบและการถ่ายภาพ โดยเป็นการแบ่งภาพออกเป็น 9 ส่วนด้วยเส้นแนวตั้งและแนวนอนอย่างละสองเส้น รวมเป็น 4 จุดตัดหลัก ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ดึงดูดสายตามนุษย์มากที่สุด
การวางวัตถุสำคัญให้อยู่ตรงจุดตัดเหล่านี้ จะช่วยให้รูปโฆษณาสินค้าดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ และมีจุดโฟกัสที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น หากถ่ายภาพสินค้าประเภทขวดหรือกล่อง แทนที่จะวางไว้ตรงกลาง ควรขยับไปด้านใดด้านหนึ่งให้ตรงกับจุดตัด ภาพจะดูมีมิติและน่าสนใจกว่ามาก
กฎนี้ยังสามารถนำมาใช้กับการจัดวางองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น ข้อความ โลโก้ หรือองค์ประกอบกราฟิก เพื่อสร้างสมดุลในภาพโดยรวม ทำให้รูปโฆษณาดูโปรและสื่อสารได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
4. ใช้ข้อความให้น้อยแต่โดน

ขอบคุณรูปจาก: adsoftheworld

ขอบคุณรูปจาก: Nike
ในการออกแบบรูปโฆษณาสินค้า ข้อความที่เลือกใช้มีผลอย่างมากต่อการสื่อสารสารสำคัญของแบรนด์ เนื่องจากผู้บริโภคมักใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการตัดสินใจว่าจะสนใจโฆษณาหรือไม่ ดังนั้น ครีเอทีฟจึงควรเลือกใช้ข้อความที่สั้น กระชับ และโดนใจ เช่น คำโปรยที่ชวนให้สนใจ โปรโมชั่นที่กระตุ้นการตัดสินใจ หรือประโยชน์เด่นของสินค้าในหนึ่งบรรทัด
ข้อแนะนำ: ข้อความที่ดีควรสื่อสารได้ชัดเจนภายในเสี้ยววินาที และควรมีเพียง 1–2 จุดเท่านั้น เพื่อไม่ให้แย่งความสนใจจากภาพสินค้า หากใส่มากเกินไปจะทำให้ภาพดูรก ผู้ชมอาจเลื่อนผ่านโดยไม่อ่านข้อความเลย
5. ใส่โลโก้ให้เห็นชัด แต่ไม่รบกวนภาพ
โลโก้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ และเสริมความน่าเชื่อถือให้กับรูปโฆษณา แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องจัดวางอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้รบกวนองค์ประกอบหลักของภาพ โดยเฉพาะตัวสินค้าที่เป็นจุดโฟกัสของภาพ
ควรออกแบบให้โลโก้ควรอยู่ในตำแหน่งที่ไม่บดบังสินค้า เช่น มุมล่างซ้ายหรือขวา และมีขนาดพอดี ไม่ใหญ่จนแย่งความสนใจจากตัวสินค้า ควรเลือกเวอร์ชันโลโก้ที่มีความคมชัด สีที่ตัดกับพื้นหลังอย่างเหมาะสม และหากภาพมีพื้นหลังซับซ้อน ควรใส่พื้นหลังโปร่งหรือใช้เอฟเฟกต์ Drop Shadow บาง ๆ เพื่อให้โลโก้ยังคงชัดเจนโดยไม่กลืนไปกับรูปโฆษณา
ออกแบบโลโก้เองง่าย ๆ : 7 เทคนิค ออกแบบฉลากสินค้า สติ๊กเกอร์โลโก้สินค้าเอง ให้สวยสะดุดตา
6. สร้าง Mood & Tone ให้สื่อสารได้ทันที

การสร้าง Mood & Tone ที่ชัดเจนในการออกแบบรูปโฆษณาสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสามารถถ่ายทอดความรู้สึก แรงบันดาลใจ และสไตล์ของแบรนด์ได้ในทันทีที่ผู้ชมเห็น Mood & Tone ที่ดีควรตรงกับคาแรกเตอร์ของสินค้าและกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากแบรนด์เน้นความสนุกสนานและวัยรุ่น ควรใช้ภาพที่มีแสงธรรมชาติ โทนสีสดใส และมีองค์ประกอบที่ดูเคลื่อนไหวได้ ส่วนสินค้าพรีเมียมควรใช้โทนภาพที่ดูหรูหรา เงียบสงบ เช่น แสงแบบ Soft Lighting หรือ Background ที่สะอาดตา
การเลือกภาพประกอบที่มีคุณภาพสูงและสื่อสารได้ตรงประเด็นจึงเป็นหัวใจหลักของเทคนิคออกแบบรูปโฆษณาสินค้า ควรเลือกภาพจากแหล่งจำหน่ายรูปภาพลิขสิทธิ์ อย่าง Number 24 x Shutterstock ที่มีภาพสดใหม่ พรีเมียม ทั้งคลังภาพ เวกเตอร์ วิดีโอ 3D เพลง และภาพ AI ถูกลิขสิทธิ์ 100% จากศิลปินทั่วโลกกว่า 750 ล้านรายการ มีตัวรูปโฆษณาสินค้าหลากหลาย Mood & Tone แสง สี และมุมกล้อง ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าและธุรกิจ ช่วยให้โฆษณามีความเป็นมืออาชีพ สื่อสารได้ตรงใจ และสร้างความโดดเด่นตั้งแต่แรกเห็น
เลือกใช้รูปได้อย่างมั่นใจ: 10 ข้อควรรู้กับ “รูปถูกลิขสิทธิ์” เพื่อการนำไปใช้อย่างถูกและเหมาะสม
7. ใช้ภาพเคลื่อนไหว (GIF หรือ Motion) ให้แตกต่าง
ภาพเคลื่อนไหวช่วยเพิ่มความน่าสนใจ ทำให้รูปโฆษณาสินค้าโดดเด่นและแตกต่างจากภาพนิ่งทั่วไป โดยเฉพาะในแพลตฟอร์มที่มีการเลื่อนฟีดอย่างรวดเร็ว เช่น Facebook และ Instagram ที่รองรับการเล่น Motion แบบอัตโนมัติ ภาพที่ขยับได้หรือมีเอฟเฟกต์เล็กน้อยจะช่วยหยุดสายตาผู้ชมและดึงดูดความสนใจได้มากขึ้น
เทคนิคนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการแสดงฟังก์ชันการใช้งานของสินค้า เช่น วิธีใช้สินค้าแบบ Step-by-step, การเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์ หรือการนำเสนอ Before-After ในแบบเคลื่อนไหว โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิดีโอเต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยลดขนาดไฟล์และโหลดได้เร็วกว่า
นอกจากนี้ การใช้ Motion ยังสามารถเพิ่ม Engagement ได้มากกว่าภาพนิ่ง เช่น การกดดูซ้ำหรือแชร์ออกไป เพราะผู้ชมรู้สึกว่าได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ที่น่าจดจำมากกว่า
8. ปรับขนาดและสัดส่วนให้เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์ม
การออกแบบรูปโฆษณาสินค้าให้เข้ากับแต่ละแพลตฟอร์มเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะแต่ละช่องทางมีขนาดภาพและสัดส่วนที่แนะนำแตกต่างกัน การใช้ขนาดภาพที่เหมาะสมจะช่วยให้ภาพไม่ถูกครอปหรือลดคุณภาพอัตโนมัติ และยังช่วยรักษาความคมชัดและความน่าเชื่อถือของแบรนด์อีกด้วย
ตัวอย่างขนาดที่แนะนำ:
- Facebook: 1080×1080 (Square), 1200×628 (Link Image)
- Instagram: 1080×1350 (Portrait)
- LINE OA: 1040×1040
- Shopee: 850×850
ระวังไม่ให้ภาพโดนตัดหรือเบลอ เพราะจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์
9. ใช้ภาพ Before-After ดึงดูดความสนใจ

ขอบคุณรูปจาก: Mybonnie Studios
การเปรียบเทียบก่อน-หลัง หรือ Before-After เป็นหนึ่งในเทคนิคที่มีประสิทธิภาพสูงในการกระตุ้นความสนใจ เพราะสามารถแสดงผลลัพธ์ที่จับต้องได้ในเวลาสั้น ๆ ผู้ชมสามารถมองเห็นความแตกต่างระหว่าง ‘ก่อนใช้’ และ ‘หลังใช้’ ได้ในภาพเดียว โดยไม่ต้องอ่านข้อมูลใด ๆ เพิ่มเติม เหมาะกับสินค้าที่มีผลลัพธ์เชิงรูปธรรม เช่น สินค้าดูแลร่างกาย เครื่องสำอาง สกินแคร์ อุปกรณ์ทำความสะอาด หรือของใช้ในบ้าน เป็นต้น
เคล็ดลับ: รูปโฆษณาสินค้าทั้งสองควรใช้มุมกล้องและแสงที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด เพื่อให้ความแตกต่างดูน่าเชื่อถือ และไม่ดูหลอกลวง นอกจากนี้ควรระบุระยะเวลาในการเปลี่ยนแปลง เช่น ‘หลังใช้งาน 7 วัน’ หรือ ‘เปรียบเทียบก่อนและหลังใช้งาน’ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและน่าเชื่อถือ
10. ทดสอบ A/B Testing เพื่อหาภาพที่เวิร์กที่สุด


การทำ A/B Testing คือกระบวนการเปรียบเทียบรูปโฆษณาสินค้า 2 แบบหรือมากกว่าภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน เพื่อดูว่าสไตล์ไหน สีอะไร หรือองค์ประกอบแบบใดตอบสนองต่อกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด โดยเริ่มจากการสร้างภาพในหลายเวอร์ชันที่มีความแตกต่างกันเพียงบางจุด เช่น เปลี่ยนคำโปรย เปลี่ยนตำแหน่งสินค้า หรือปรับโทนสี จากนั้นนำภาพเหล่านี้ไปแสดงผลให้กับกลุ่มเป้าหมายจริงบนแพลตฟอร์มโฆษณา เช่น Facebook Ads, Google Display Network หรือ Instagram
หลังจากนั้นจึงทำการวิเคราะห์ผลลัพธ์จากตัวชี้วัดหลัก เช่น CTR (Click-Through Rate), Engagement (การกดไลก์ แชร์ หรือคอมเมนต์), และ Conversion (การซื้อ การลงทะเบียน ฯลฯ) เพื่อหาว่าภาพแบบใดมีประสิทธิภาพดีที่สุด โดยข้อมูลที่ได้จาก A/B Testing สามารถนำมาปรับใช้ในการออกแบบครั้งถัดไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณาให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และลดความเสี่ยงจากการใช้ไอเดียที่ยังไม่มีหลักฐานรองรับ
ตัวอย่างรูปโฆษณาสินค้า ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

ขอบคุณรูปจาก: nike

ขอบคุณรูปจาก: coca-cola


ขอบคุณรูปจาก: chanelofficial


ขอบคุณรูปจาก: Dior

ขอบคุณรูปจาก: Burger King

ขอบคุณรูปจาก: Heinz
ออกแบบรูปโฆษณาสินค้า ด้วย Shutterstock แพลตฟอร์มซื้อ-ขายรูปภาพระดับโลก
การเลือกใช้ภาพแพลตฟอร์มซื้อ-ขาย Stock Photo ระดับโลกอย่าง Shutterstock เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยให้รูปโฆษณาสินค้าของคุณดูเป็นมืออาชีพและมีความน่าเชื่อถือ Shutterstock มีคลังภาพจำนวนมหาศาลครอบคลุมทุกประเภทสินค้า Mood & Tone และทุกสไตล์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นภาพไลฟ์สไตล์ สีสันสดใส หรือภาพแนวพรีเมียมที่มีแสงและมุมกล้องระดับมืออาชีพ มีระบบค้นหาด้วย Keyword สี อารมณ์ หรือแม้กระทั่งองค์ประกอบภาพ ทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย

เทคนิคเพิ่มเติม:
- ควรเลือกภาพที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มครอบครัว วัยรุ่น หรือผู้บริหาร
- ใช้ภาพที่มีพื้นที่ว่างรอบ ๆ เพื่อง่ายต่อการใส่ข้อความหรือโลโก้
- หากใช้หลายภาพร่วมกัน ควรเลือกจากคอลเลกชันเดียวกันเพื่อคง Mood & Tone ให้สม่ำเสมอ
เพื่อให้มั่นใจในการเลือกรูปมาใช้อย่างถูกลิขสิทธิ์ แนะนำ Number 24 x Shutterstock ผู้ให้บริการ Shutterstock แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เรามีประสบการณ์กว่า 20 ปีในธุรกิจลิขสิทธิ์ภาพ มีทีมงานคนไทยที่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ไม่ต้องเสียเวลากับการเลือกแพ็กเกจ และไม่ต้องกังวลเรื่องลิขสิทธิ์ เพราะเราจัดการให้อย่างครบวงจร ช่วยให้คุณโฟกัสกับงานออกแบบรูปโฆษณาสินค้าได้อย่างเต็มที่
ทำความรู้จักเรา: 9 เรื่องที่ต้องรู้กับ เว็บขายรูป Number 24 x Shutterstock
สรุป
การออกแบบรูปโฆษณาไม่ใช่แค่ทำให้ภาพออกมาดูดีหรือสวยงามเท่านั้น แต่คือการวางกลยุทธ์ภาพที่สอดรับกับเป้าหมายการตลาดของแบรนด์ในแต่ละแพลตฟอร์ม ทั้ง Facebook, Instagram, LINE OA หรือ Shopee ที่ล้วนมีพฤติกรรมผู้ใช้งานและขนาดรูปที่แตกต่างกัน
เทคนิคทั้ง 10 ข้อที่กล่าวมาไม่เพียงช่วยให้ภาพดูน่าสนใจ แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย สร้างการจดจำแบรนด์ และทำให้โฆษณามีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งการสร้าง Awareness ดึงดูด Engagement และผลักดัน Conversion ในทุกขั้นของ Funnel การตลาด
ติดต่อ Number 24 x Shutterstock ได้ที่
โทร: 099-459-5244
Website: https://number24.co.th/
Inbox: https://bit.ly/3RtAnGn
LINE Official Account: https://bit.ly/3Rz00FU
Instagram: https://bit.ly/3qi0VOR