2

Business

ครีเอเตอร์ต้องรู้ ‘ความละเอียด ที่พอดี’ อยู่ที่ไหน?

ภาพสำหรับเว็บไซต์ควรมีความละเอียดกี่พิกเซลต่อนิ้ว? มาคลายข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับความละเอียดของภาพบนเว็บ ด้วยคำแนะนำจาก Shutterstock กันเถอะ

ความละเอียดของภาพบนเว็บไซต์ สำคัญแค่ไหนกันแน่?

ความละเอียด
ภาพโดย Galyna Andrushko.

จริง ๆ แล้วคำว่า “ความละเอียด” ของภาพ หรือที่เรียกกันว่า resolution นั้น มีความสำคัญอย่างมากในงานพิมพ์ เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อความคมชัดบนกระดาษ แต่พอเป็นภาพที่ใช้บนเว็บไซต์ หลักการเรื่องความละเอียดก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

บางคนอาจจะงงว่า “เอ๊ะ แล้วความละเอียดของภาพบนเว็บไม่สำคัญเหรอ? แบบนี้ต้องใช้ภาพแตก ๆ เบลอ ๆ เหรอ?”
ไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะแม้ว่า ความละเอียดของภาพบนเว็บไซต์ จะไม่ได้วัดแบบเดียวกับงานพิมพ์ แต่ภาพที่ชัด คม และมีคุณภาพ ก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน

ลองนึกดูสิ เวลาเปิดเว็บไซต์แล้วเจอภาพเบลอหรือแตก ไม่ใช่แค่ดูไม่สวย แต่ยังทำให้เว็บดูไม่น่าเชื่อถืออีกด้วย

เพราะฉะนั้น มาเข้าใจกันให้ชัดว่า ความละเอียดของภาพสำหรับเว็บ ควรคิดแบบไหน และต้องโฟกัสที่อะไรบ้าง ถ้าอยากให้ภาพของเราดูดี ชัดเป๊ะ บนหน้าจอทุกอุปกรณ์.

ความละเอียดของภาพคืออะไร?

Contemporary,Art,Collage.,Hands,Typing,On,Vintage,Computer,Keyboard.,Concept
ภาพโดย Anton Vierietin.

ความละเอียดของภาพ เป็นคำที่ใช้ในวงการสิ่งพิมพ์ ซึ่งหมายถึงความหนาแน่นของจุดหรือพิกเซลที่ประกอบกันขึ้นเป็นภาพหนึ่งภาพ หรือถ้าจะให้อธิบายแบบง่าย ๆ ก็คือ “ปริมาณข้อมูลภาพ” ที่อยู่ในแต่ละรูปนั่นเอง

ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมหลายคนถึงอยากได้ภาพที่มีความละเอียดสูง เพราะภาพที่มีความละเอียดมาก ๆ มักจะดูคมชัด สีสดใส และมีรายละเอียดครบถ้วน

การวัดความละเอียดของภาพมักใช้หน่วยที่เรียกว่า DPI (dots per inch) สำหรับงานพิมพ์ และ PPI (pixels per inch) สำหรับภาพบนหน้าจอในโลกดิจิทัล ถึงแม้สองคำนี้จะถูกใช้สลับกันบ่อย ๆ แต่จริง ๆ แล้วมีความหมายต่างกันเล็กน้อย DPI ใช้กับสิ่งพิมพ์ ส่วน PPI คือสิ่งที่ใช้วัดความคมชัดของภาพในสื่อดิจิทัลอย่างเว็บไซต์หรือแอปต่าง ๆ

โดยทั่วไป ภาพที่มีค่า PPI สูงกว่าจะมีรายละเอียดมากกว่า เพราะพิกเซลอัดแน่นมากกว่า จึงมักถูกมองว่ามีคุณภาพดีกว่า

ฟังมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้า PPI มีผลต่อคุณภาพของภาพขนาดนี้ แล้วทำไมทีมงาน Shutterstock ถึงกล้าบอกว่า “ความละเอียดของภาพบนเว็บไซต์” ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น?

คำตอบอาจอยู่ในอดีตที่หลายคนลืมไปแล้ว มาย้อนเวลากลับไปยุค 80 กันสักนิด แล้วค่อยกลับมาดูว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับภาพบนเว็บในปัจจุบันยังไง

ความละเอียดมาตรฐานของภาพสำหรับเว็บ

Happy,Woman,In,Pixel,Dispersion,Style
ภาพโดย Rawpixel.com.

เมื่อก่อนนักออกแบบเว็บมักเชื่อว่า 72 PPI คือความละเอียดมาตรฐานของภาพบนเว็บ เพราะคิดว่าหน้าจอส่วนใหญ่แสดงผลที่ 72 พิกเซลต่อนิ้วพอดี เลยคิดว่าภาพที่ตั้งค่าความละเอียดแบบนี้ก็น่าจะชัดที่สุดแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมด

ย้อนกลับไปยุค 80 ตอนที่ Apple เปิดตัวแมคอินทอชเครื่องแรก ใช้หน้าจอขนาด 9 นิ้วที่ความละเอียด 72 PPI เพราะเหมาะกับเครื่องพิมพ์ ImageWriter ของเขาที่พิมพ์ได้ 144 DPI ทำให้ปรับขนาดภาพง่าย ไม่ยุ่งยาก

แต่ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีหน้าจอพัฒนาไปมาก หน้าจอแต่ละเครื่องมีความละเอียดต่างกันไปจนแทบจะไม่มีใครใช้จอ 72 PPI แล้ว

เวลาส่งออกภาพจากโปรแกรมแต่งภาพ หลายคนมักตั้งค่า 72 PPI อัตโนมัติเพราะเคยชิน แต่ความจริงแล้ว ความละเอียดหน้าจอแต่ละเครื่องไม่เหมือนกันเลย

แบบนี้จึงไม่มีมาตรฐานตายตัว เราจะมั่นใจได้ยังไงว่า ภาพที่ใช้บนเว็บจะสวยและชัดเจนบนทุกอุปกรณ์ มาลองหาคำตอบกัน

อะไรบ้างที่มีผลต่อการแสดงผลภาพบนเว็บ?

ในเรื่องของความละเอียดภาพสำหรับเว็บ ควรคิดแค่เรื่องขนาดภาพเป็นพิกเซลและขนาดไฟล์เป็นหลัก

ขนาดภาพ (Pixel Dimensions)
ขนาดภาพก็คือจำนวนพิกเซลที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นภาพ วัดจากความกว้างและความสูง เช่น ภาพสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 360×360 พิกเซล ก็หมายความว่าภาพนั้นมี 360 พิกเซลทั้งในแนวตั้งและแนวนอน

ถ้าหน้าจอคอมของคุณมีความละเอียด 72 PPI ภาพนี้จะใหญ่ประมาณ 5 นิ้วทั้งความกว้างและความสูงเลยนะ ถือว่าใหญ่โตอยู่เหมือนกัน

โดยทั่วไปภาพที่มีขนาดพิกเซลเยอะ ๆ จะดูโปรขึ้นมาก เช่น ถ้ารูปถ่ายขนาด 2000×1500 พิกเซล ภาพนี้เอาไปทำแบนเนอร์ หรือใส่ไว้บริเวณข้างเว็บไซต์ รับรองว่าแจ่มสุด ๆ

แต่ถ้าเอาภาพขนาดเล็กแค่ 200×150 พิกเซลมาใช้ ภาพจะดูดีแค่ตอนแสดงผลเล็ก ๆ เท่านั้น พอขยายใหญ่ขึ้นจนเป็นภาพหลักในเว็บ รับรองว่าภาพแตกเบลอจนดูไม่ดีเอาเลย คนที่เข้ามาเว็บคุณเห็นแล้วอาจจะหงุดหงิดได้

ขนาดไฟล์ (File Size)
เรื่องคุณภาพรูปภาพกับขนาดไฟล์เป็นของคู่กัน ยิ่งไฟล์ใหญ่ ภาพก็ยิ่งชัดเพราะบีบอัดน้อย แต่ข้อเสียคือไฟล์จะหนัก ใช้พื้นที่เยอะ และทำให้เว็บโหลดช้าลง

ขนาดไฟล์ก็คือปริมาณข้อมูลที่ภาพนั้นใช้บนคอมฯ หรือเว็บของเรา ซึ่งขึ้นกับขนาดภาพด้วย เวลาเลือกไฟล์และตั้งคุณภาพต้องจำไว้เลยว่าไฟล์ใหญ่ไป เว็บก็จะโหลดช้า และคนดูเว็บสมัยนี้เขาใจร้อนกันมาก โดยเฉพาะคนใช้มือถือ ที่ถ้าเว็บโหลดเกิน 3 วินาที กว่า 50% เลยนะที่จะเลิกเข้าเว็บนั้นทันที

สรุปก็คือ ไฟล์ใหญ่ช่วยให้ภาพสวยขึ้นจริง แต่ก็แลกมาด้วยเว็บที่โหลดช้าลง เราจึงต้องหาจุดที่ลงตัว ให้ภาพสวยและเว็บยังเร็วอยู่ได้

เมื่อไหร่ที่ความละเอียดของภาพมีความสำคัญ

A,Stunning,,High resolution,Macro,Photo,Of,A,Fresh,Green,Leaf
ภาพโดย linojocaru.

ไม่ว่าจะใช้ภาพในงานดิจิทัลหรืองานพิมพ์ รายละเอียดต่าง ๆ ล้วนสำคัญทั้งนั้น หลายคนอาจมองว่าความละเอียดภาพไม่ใช่เรื่องใหญ่ในงานออนไลน์ทั่วไป แต่ถ้าเป็นงานพิมพ์เมื่อไร DPI กลายเป็นหัวใจหลักทันที เพราะมันส่งผลตรงกับคุณภาพของภาพที่ออกมา

แต่ไม่ใช่แค่ DPI อย่างเดียวที่ต้องใส่ใจ เวลาเซฟภาพจากโปรแกรมแต่งรูปหรือออกแบบ อย่าลืมดูทุกค่า ทั้งขนาดไฟล์ สีสัน และฟอร์แมต เพราะทั้งหมดนี้มีผลกับภาพสุดท้ายที่คุณจะใช้จริง ๆ

งานพิมพ์ระดับมืออาชีพ ภาพควรมีความละเอียดอย่างน้อย 300 DPI ตาของคนเราแยกความแตกต่างของภาพที่เกิน 200 DPI ได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่เพื่อความคมชัดสูงสุด จึงนิยมใช้ 300 DPI ขึ้นไป

ก่อนจะเลือกความละเอียดภาพสำหรับพิมพ์ อย่าลืมเช็คเครื่องพิมพ์ด้วยนะ บางรุ่นอาจรับได้แค่ 300 DPI ถ้าใช้มากกว่านั้น อาจทำให้ภาพพิมพ์ออกมาผิดเพี้ยนหรือมีจุดผิดปกติได้

ยกตัวอย่าง ถ้าจะพิมพ์ภาพขนาด 4×6 นิ้ว ที่ 300 DPI ภาพต้นฉบับต้องมีขนาด 1200×1800 พิกเซลก่อนถึงจะได้ภาพชัด

เวลาถ่ายภาพด้วยกล้อง ช่างภาพควรถ่ายที่ความละเอียดสูงกว่าที่จะใช้จริงในงานพิมพ์ เพื่อให้มีไฟล์ต้นฉบับคุณภาพดี แล้วค่อยมาแต่งและลดขนาดภาพทีหลัง

สำหรับงานแต่งภาพเพื่อพิมพ์ แนะนำใช้ไฟล์แบบ TIFF หรือ EPS เพราะเป็นไฟล์ที่เก็บรายละเอียดภาพครบ ไม่บีบอัดจนเสียคุณภาพเวลาเซฟหรือเปิดใหม่ แต่ก็แลกมาด้วยไฟล์ที่ใหญ่และจัดการยากกว่าปกติ

สำหรับภาพที่จะลงเว็บ ขนาดที่เหมาะสมจริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้ภาพนั้นทำอะไรในเว็บ เช่น

  • ภาพปก (hero image) ที่ต้องเต็มหน้าจอ อาจต้องใหญ่สัก 1920 พิกเซลกว้างขึ้นไป
  • ภาพประกอบในบทความหรือรูปเล็ก ๆ ก็ไม่ต้องใหญ่ขนาดนั้น อาจแค่ 800-1200 พิกเซลก็พอแล้ว

บนโลกออนไลน์ “ภาพ” คือสิ่งแรกที่ผู้ชมเห็น และ “คุณภาพของภาพ” คือสิ่งที่สร้างความประทับใจแรกพบได้ดีที่สุด แต่ความละเอียดที่สูงเกินไปอาจทำให้เว็บโหลดช้า ขณะที่ภาพเบลอก็ลดความน่าเชื่อถือ — แล้วจะเลือกยังไงให้ พอดี?

คำตอบคือ: เลือกภาพที่ “คมชัด เหมาะสม และไม่หนักเว็บ”

– ปรับขนาดภาพให้พอดีกับตำแหน่งการแสดงผล

– บีบอัดไฟล์อย่างเหมาะสมโดยไม่สูญเสียคุณภาพ

– เลือกใช้ภาพจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อความสวย คมชัด และมืออาชีพ

Number 24 x Shutterstock พร้อมช่วยคุณเลือกภาพที่ตอบโจทย์ทั้งดีไซน์และประสบการณ์ผู้ใช้

ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือแคมเปญดิจิทัล เรามีคลังภาพคุณภาพสูงระดับโลก พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญช่วยวางแผนการใช้ภาพให้โหลดไว สวยงาม และไม่สะดุด ติดต่อพวกเราได้ที่

Inbox : http://m.me/number24.co.th

LINE Official Account : https://line.me/R/ti/p/@klj9484n

Instagram : https://www.instagram.com/number24.co.th

Website : https://number24.co.th/

Related Blog

 
ปก 3

อ่านก่อน! การเรียงลำดับภาพกราฟิกสำคัญแค่ไหน?

 
 
โปสเตอร์

ไอเดียออกแบบตัวอย่างโปสเตอร์หนังปี 2025 ที่สายกราฟิกห้ามพลาด

 
 
เทคนิคการการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านสี 1

สายกราฟิกต้องรู้! เทคนิคการการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านสี

 
 
ปก

ต้องอ่าน! คู่มือสร้างพอร์ตโฟลิโอสำหรับงานกราฟิก

 

Tell us about yourself





    Type: